นับหนึ่งถึงสิบจะซื้อบ้านหลังแรกจากจุดเริ่มต้นไปถึงปลายทาง
- By puri_admin
บ้านหลังแรก คงเป็นความฝันของใครหลายคน เพราะการซื้อบ้าน หมายถึงการวางรากฐานของชีวิต ทำให้หลายคนคิดหนัก พิจารณาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราคาบ้านที่ซื้อ วิธีการซื้อบ้าน จะซื้อเงินสดหรือกู้เงินซื้อดี และควรจะซื้อบ้านแบบไหนดี ราคาเท่าไหร่ รวมถึงขั้นตอนในการซื้อบ้านนั้นมีอะไรบ้าง ต้องหาข้อมูลวุ่นวายไปหมด ใครที่กำลังเตรียมตัวซื้อบ้าน โดยเฉพาะหากเป็นการซื้อบ้านหลังแรก จะไม่ต้องปวดหัวอีกต่อไป เพราะภูริเอสเตท มีสิบขั้นตอนการซื้อบ้านแบบง่ายๆ ที่จะทำให้การซื้อบ้านหลังแรกของคุณเป็นเรื่องง่ายดาย
นับหนึ่ง – เลือกบ้านที่ใช่!
คุณต้องการบ้านแบบไหนคือคำถามแรกที่คุณจะต้องตอบให้ได้ บางคนไม่ได้ซื้อบ้านเพียงเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังซื้อบ้านเพื่อลงทุน หรือเพื่อดัดแปลงเป็นออฟฟิศทำธุรกิจส่วนตัวอีกด้วย เมื่อคุณมีความต้องการที่ชัดเจน คุณจะสามารถมองหาบ้านแบบที่ใช่! ได้ในทันที อย่างเช่น หากคุณต้องการบ้านที่ดัดแปลงเป็นออฟฟิศได้ คุณอาจจะมองหาบ้านประเภททาวน์โฮมที่ใช้งานได้หลากหลาย และดัดแปลงพื้นที่ได้ง่ายด้วย
นับสอง – พิจารณารายละเอียดอื่นๆ
การซื้อบ้านไม่ใช่แค่ซื้อบ้าน แต่ยังมีองค์ประกอบโดยรอบด้วย ทั้งฟังก์ชั่นบ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ ทำเลบ้าน การเดินทางและคมนาคม รวมไปถึงราคาบ้านด้วย องค์ประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเท่าๆกับตัวบ้านที่คุณจะต้องพิจารณาร่วมกับบ้านที่ใช่! เพื่อตัดสินใจว่าบ้านหลังนี้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ หรือหากบ้านนั้นตรงตามความต้องการ แต่ราคาบ้านแพงเกินกำลัง ก็ถือว่าบ้านนั้นยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด คุณอาจจะต้องมองหาบ้านใหม่ที่มีราคาบ้านเหมาะสมกับกำลังในการซื้อหรือการผ่อนบ้านของคุณด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้พนักงานขายจะเป็นผู้ให้รายละเอียดก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อบ้านโครงการนั้นๆ
นับสาม – ปรึกษาพนักงานขาย
หลายคนอาจจะไม่อยากเข้าสู่ขั้นตอนนี้ หรืออาจจะข้ามไปเลยจนกว่าจะตัดสินใจซื้อบ้าน แต่ความจริงแล้ว พนักงานขายมีส่วนสำคัญมากที่จะให้คำปรึกษาในการซื้อบ้านของโครงการนั้นๆกับคุณ รวมถึงพนักงานขายจะเป็นผู้อธิบายรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับบ้านให้คุณได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งแบบบ้าน ฟังก์ชั่นบ้าน ข้อดีของทำเลที่ตั้ง การเดินทางคมนาคมโดยรอบ การเติบโตของพื้นที่ในอนาคต ฯลฯ แนะนำการวางแผนการเงินไม่ว่าคุณจะซื้อบ้านแบบเงินสดหรือผ่อนบ้านก็ตาม แต่ละโครงการบ้านนั้นจะมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป การปรึกษาพนักงานขายก่อนซื้อบ้าน จะทำให้คุณมั่นใจและได้ข้อมูลบ้านในเชิงลึกมากกว่าการหารายละเอียดด้วยตนเอง
นับสี่ – วางแผนการเงิน
เมื่อได้บ้านที่ต้องการจะซื้อแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการวางแผนการเงิน ซึ่งขั้นตอนการวางแผนการเงิน คือขั้นตอนที่คุณต้องจัดการกับการเงินของคุณเองว่าจะเลือกซื้อบ้านแบบเงินสดหรือผ่อนชำระ หากเป็นการผ่อนชำระ คุณต้องเช็ครายละเอียดของแต่ละธนาคารที่เปิดให้กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน ปัจจุบันธนาคารออกโปรโมชั่นและเพิ่มสิทธิประโยชน์มากมายเพื่อดึงดูดให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้าน โดยเฉพาะบ้านหลังแรก เช็ครายละเอียดให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะดอกเบี้ย เพื่อนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจยื่นกู้ การผ่อนบ้านเป็นหนี้สินระยะยาว ดอกเบี้ยจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยคุณประหยัดเงินได้มากมาย
นับห้า – ยื่นเอกสาร
เมื่อตัดสินใจเลือกธนาคารแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการยื่นเอกสารเพื่อขอกู้เงินซื้อบ้าน สิ่งที่อยากแนะนำคือ คุณควรยื่นกู้กับธนาคาร 2 – 3 แห่งที่คุณพิจารณาแล้วว่าให้ผลประโยชน์และดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับคุณ โดยเอกสารที่ใช้จะไม่แตกต่างกันมาก เอกสารในการกู้เงินเพื่อผ่อนบ้านนั้น ประกอบด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า/ใบแจ้งความแยกกันอยู่ (ถ้ามี)
- ใบเปลี่ยนชื่อ หรือชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
กรณีประกอบอาชีพประจำ
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน (แตกต่างตามข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร)
- สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 3-6 เดือน
กรณีมีธุรกิจส่วนตัว
- รายการเดินบัญชีเงินฝาก 12 เดือน
- หลักฐานการเงินอื่น ๆ
- เอกสารการเสียภาษี
- สำเนาทะเบียนการค้าหรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท (สำหรับธุรกิจส่วนตัว)
- รายชื่อผู้ถือหุ้น
- หลักฐานการเสียภาษี
- รูปถ่ายกิจการ 4-5 ภาพพร้อมแผนที่ตั้งโดยสังเขป
เอกสารแสดงหลักทรัพย์ค้ำประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน นส.3 ก
- แผนผังบริเวณที่ตั้งหลักทรัพย์
- สำเนาสัญญาจะซื้อขาย ใบเสร็จรับเงินดาวน์
- ราคาประเมินของกรมที่ดิน
- เอกสารอื่น ๆ ตามความจำเป็นที่ใช้ในการขอกู้ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปตามรายละเอียดของแต่ละธนาคาร หรือเอกสารที่ธนาคารเรียกขอเพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม
นับหก – หากติดแบล็กลิสต์มาก่อนหน้านี้ทำไงดี
ความจริงการติดแบล็กลิสต์ไม่ได้หมายความว่าคุณจะยื่นกู้เงินเพื่อซื้อบ้านไม่ได้ เพียงแต่ว่ายื่นกู้ไปแล้วโอกาสในการผ่านการพิจารณานั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากธนาคารนั้นจะพิจารณาความเสี่ยงจากประวัติการชำระหนี้ของคุณด้วย ดังนั้นหากคุณต้องการซื้อบ้าน แต่มีประวัติเบี้ยวชำระหนี้ ก็ควรจะชำระหนี้ให้หมดเสียก่อนจะทำการยื่นกู้เงินเพื่อซื้อบ้านหรือผ่อนบ้าน หลังจากชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว ตามปกติข้อมูลเครดิตบูโรจะค้างอยู่ 3 ปี และจะถูกลบทิ้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร ที่สำคัญหลังชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว คุณไม่ควรสร้างหนี้ขึ้นมาใหม่อีก
นับเจ็ด – รอผลการพิจารณา
เมื่อคุณยื่นเอกสารกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน โดยปกติธนาคารจะใช้เวลาอนุมัติ 7-10 วันทำการ หากเอกสารในการยื่นกู้ซื้อบ้านครบถ้วนสมบูรณ์และถูกต้อง ระหว่างนั้นธนาคารจะส่งคนมาประเมินทรัพย์สิน (บ้าน) เพื่อพิจารณาว่าหากให้กู้นั้น จะให้กู้เท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม
นับแปด – เดินทางไปดำเนินการต่างๆที่กรมที่ดิน
เมื่อผ่านการพิจารณาแล้ว ทางธนาคารจะส่งตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปยังกรมที่ดิน เพื่อไปเซ็นต์เอกสารต่างๆ รวมถึงชำระเงิน ซึ่งธนาคารจะจ่ายเงินให้กับคุณ (ผู้ขอกู้เงินซื้อบ้าน) ซึ่งคุณต้องนำเงินนั้นมอบให้กับผู้ขาย (ตัวแทนของโครงการบ้าน) จากนั้นผู้ขายจะให้โฉนดมา คุณก็มอบให้กับธนาคาร จนกว่าคุณจะชำระหนี้จนหมด คุณก็จะได้โฉนดนั้นคืนมา เป็นอันเสร็จขั้นตอน คุณก็เพียงผ่อนบ้านไปตามกำหนดที่ตกลงกับธนาคารเอาไว้
นับเก้า – เตรียมตัวเข้าสู่บ้านใหม่
หลายคนอาจจะดูฤกษ์ ดูยาม เพื่อขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งก็แล้วแต่ความเชื่อ เมื่อขึ้นบ้านใหม่หรือเริ่มต้นเข้าอยู่อาศัย สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมคือการศึกษารายละเอียด ฟังก์ชั่นบ้านต่างๆ ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะบ้านสมัยใหม่ที่เป็น Smart Home ควรศึกษาขั้นตอนการทำงานฟังก์ชั่นบ้านให้ดี เพื่อที่คุณจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการซื้อบ้านของคุณ นอกจากนี้การศึกษาเส้นทางการเดินทางและคมนาคม ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการซื้อบ้านเช่นเดียวกัน
นับสิบ – ปรึกษาทางโครงการถ้าหากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
การอยู่อาศัยภายในโครงการบ้านนั้นอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดปัญหาควรติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลโครงการบ้าน เพราะปัจจุบันโครงการบ้านต่างๆ มีบริการหลังการขายที่พร้อมให้คำปรึกษาเมื่อเกิดปัญหาหลังการซื้อบ้าน โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการต่อเติมบ้าน ควรจะปรึกษาเจ้าหน้าที่และหาข้อมูลให้ชัดเจน ก่อนตัดสินใจทำการต่อเติมบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
เพียงแค่นับหนึ่งถึงสิบตามขั้นตอนที่ภูริเอสเตทแนะนำ การซื้อบ้านก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณทันที